ปัญหาค่านิยมกับการทำศัลยกรรมของวัยรุ่นไทย นางสาวทัศนีย์ น้อยเลิศ 53241943
บทความเชิงวิชาการ
เรื่อง ปัญหาค่านิยมกับการทำศัลยกรรมของวัยรุ่นไทย
ความสวยความงามเป็นเรื่องจำเป็นโดยเฉพาะกับเพศหญิง ซึ่งเป็นเพศที่รักสวยรักงามเป็นพิเศษตามธรรมชาติอยู่แล้ว แน่นอนว่าหากมีรูปร่างหน้าตาที่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็นได้ ความมั่นใจก็ย่อมเกิดขึ้นและสิ่งที่ตามมาก็ย่อมส่งผลดีไปด้วย อย่างน้อยที่สุดก็เป็นการเสริมสร้างกำลังใจตามหลักจิตวิทยาทั่วๆไป ความประทับใจครั้งแรกย่อมทำให้ผู้พบเห็นเข้ามาอย่างเป็นมิตร มีความคิดด้านบวกกับเราได้ดีกว่า เรื่องรูปร่างหน้าตาเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในการมองหรือตัดสินคนของปุถุชนอยู่บ้างไม่มากน้อย ในกรณีที่คนสองคนมีพฤติกรรมในสิ่งเดียวกัน กับคนหนึ่งเราอาจจะพร้อมที่จะตำหนิเขาขณะที่อีกคนเราพร้อมจะให้อภัยในความที่ยังไม่ประสา ปัจจัยเหล่านี้ล้วนถูกแสดงออกมาจากความอคติภายใน ซึ่งเราเองอาจจะไม่มีวันรู้ตัวว่ามีความรู้สึกเหล่านี้เจือปนอยู่มากน้อยเพียงใดจากการรับรู้ทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 ไม่ว่าจะเป็น หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่สามารถทำให้ปุถุชนคนธรรมดาโน้มเอียงได้ คนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้และมีสิทธิ์ไม่พออกพอใจกับใบหน้าหรือรูปร่างของตนได้เช่นกัน ซึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน ก็สามารถที่จะเนรมิตให้ดูดีขึ้นได้จากการทำศัลยกรรมเพื่อเสริมความงาม ศัลยกรรมเสริมความงามได้กลายเป็นเรื่องปกติที่ใครๆก็ทำกัน ยิ่งในประเทศเกาหลีที่ถูกจัดให้เป็นเมืองแห่งศัลยกรรมด้วยแล้ว การทำศัลยกรรมแทบจะกลายเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องกระทำ ความสวยความดูดีสามารถเนรมิตได้ภายในพริบตา ในยุคที่กระแสวัฒนธรรมจากแดนกิมจิไหลบ่าไปทั่วทุกสารทิศ โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียที่พากันเจริญรอยตาม ประเทศไทยเองก็เช่นกัน ที่กระแสศัลยกรรมมาแรงเอามากๆ ทั้งในกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียง ดารา นักร้อง และบรรดาหนุ่มสาว ทั้งหลายที่ต่างมีเป้าหมายที่จะทำให้ตัวเองดูดีขึ้น โดยการอาศัยศัลยกรรมเสริมความงาม
ปัจจุบันศัลยกรรมเสริมความงามได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ศัลยกรรมเสริมความงามยังเป็นปรากฏการณ์ที่ได้รับความสนใจอย่างสูงทั้งในวงการแพทย์ จิตวิทยา และสังคมวิทยา ว่าเพราะเหตุใดศัลยกรรม เสริมความงามจึงมีกระแสความนิยมสูงมากในช่วง 2 - 3 ทศวรรษที่ผ่านมา
จากผลงานวิทยานิพนธ์เรื่อง "อิทธิพลของความนิยมความสมบูรณ์แบบต่อเจตคติในการทำ ศัลยกรรมเสริมความงาม โดยมีการนำเสนอตนเองด้วยความสมบูรณ์แบบและการซึมซับจากวัฒนธรรม สังคมเป็นตัวแปรส่งผ่าน" โดย อ.กมลกานต์ จีนช้าง สาขาจิตวิทยาสังคม คณะจิตวิทยา จุฬาฯ ซึ่งได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่นประเภทนิสิตมหาบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2554 เป็นงานวิจัย เชิงประยุกต์ที่ศึกษาถึงสาเหตุการเลือกใช้ศัลยกรรมเสริมความงามเป็นวิธีการปรับปรุงรูปลักษณ์ของผู้หญิงไทย เนื่องจากในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมาการทำศัลยกรรมเสริมความงามเป็นที่นิยมมากขึ้นในหลายประเทศ และเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเราทั้งเพศหญิงและเพศชาย จากการศึกษาวิจัยทางจิตวิทยาพบว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ศัลยกรรมเสริมความงามได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากความไม่พึงพอใจในรูปลักษณ์ของตนเอง จึงต้องการจะเปลี่ยนแปลงให้รูปร่างหน้าตาดูดียิ่งขึ้น หลายคนมักจะหมกมุ่นกับเรื่องความงามและรูปร่างหน้าตาเป็นสำคัญ ทั้งนี้ผู้ที่มีลักษณะวัตถุนิยมสูงและมีแนวโน้มในการมองร่างกายเป็นเสมือนวัตถุ การทำร่างกายให้ดูดีโดดเด่นด้วยการทำศัลยกรรม ทำให้ตนเองรู้สึกว่ามีคุณค่าและความภาคภูมิใจ นอกจากนี้ปัจจัยทางสังคม ได้แก่ กระแสสังคมยุคปัจจุบันที่นิยมชมชอบดารานักแสดง ที่มีหน้าตาสวยงาม และยอมรับว่าผ่านการทำศัลยกรรมเสริมความงามมาแล้ว ทำให้คนบางกลุ่ม เช่น วัยรุ่นยอมรับค่านิยมในเรื่อง ความสวยเหมือนดารา และมองว่าการทำศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด แต่กลับช่วยทำให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ปัจจุบันกลุ่มคนที่ทำศัลยกรรมเสริมความงามจึงไม่ใช่เฉพาะกลุ่มผู้สูงวัยเท่านั้น
ในงานวิจัยเรื่องนี้ ได้เลือกศึกษาปัจจัยทางจิตวิทยาที่อาจเป็นสาเหตุให้บุคคลเลือกทำศัลยกรรมเสริมความงามใน ๓ ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยภายในคือ ความนิยมความสมบูรณ์แบบ การนำเสนอตนเองด้วยความสมบูรณ์แบบ และปัจจัยภายนอกคือการซึมซับค่านิยมทางวัฒนธรรมสังคม กลุ่มตัวอย่างที่ทำการศึกษาวิจัยเป็นนิสิตนักศึกษาหญิงในมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชน จำนวน ๖๓๕ คน ในการวิเคราะห์ข้อมูล มีการใช้โมเดลสมการเชิงโครงสร้างในการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งสามารถอธิบายผลการวิจัยได้อย่างแม่นยำ ผลการศึกษาวิจัยพบว่า ปัจจัยในเรื่องความนิยมความสมบูรณ์แบบอาจไม่มีอิทธิพลโดยตรงต่อเจตคติในการทำศัลยกรรมเสริมความงาม แต่สิ่งที่พบคือผู้ที่นิยมความสมบูรณ์แบบและชอบที่จะนำเสนอตนเองจะมีเจตคติทางบวกต่อการทำศัลยกรรม การนำเสนอตนเองจึงมีอิทธิพลส่งผ่านระหว่างความนิยมความสมบูรณ์แบบกับเจตคติในการทำศัลยกรรมเสริมความงาม ในขณะเดียวกัน ปัจจัยภายนอกทางด้านการซึมซับค่านิยมทางวัฒนธรรมสังคมมีอิทธิพลค่อนข้างมากต่อเจตคติในการทำศัลยกรรมเสริมความงาม ทั้งนี้ยังได้พัฒนามาตรวัดลักษณะความนิยมความสมบูรณ์แบบที่มีองค์ประกอบที่เหมาะสำหรับนำมาใช้ศึกษาเรื่องรูปร่างหน้าตา ความงาม และลักษณะอื่นๆที่สัมพันธ์กับความนิยมความสมบูรณ์แบบ ซึ่งแตกต่างไปจากมาตรวัดความนิยมความสมบูรณ์แบบอื่นๆก่อนหน้านี้ที่อาจไม่เหมาะที่จะนำมาศึกษาวิจัยร่วมกับตัวแปรความงามเรื่องรูปร่างหน้าตา นอกจากนี้ยังได้พัฒนามาตรวัดการนำเสนอตนเองด้วยความสมบูรณ์แบบ มาตรวัดการซึมซับจากวัฒนธรรมสังคม และมาตรวัดเจตคติในการทำศัลยกรรมเสริมความงาม เพื่อใช้กับบริบทสังคมไทย
สมาคมศัลยกรรมเสริมความงามนานาชาติ เผยผลสำรวจความนิยมในการทำศัลยกรรม พบประเทศไทยทำศัลยกรรมมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก โดยผลงานวิจัยดีเด่นของอาจารย์จุฬาฯพบว่า นิสิตนักศึกษาเสริมจมูกมากที่สุด เพราะไม่พึงพอใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง
สมาคมศัลยกรรมเสริมความ งามนานาชาติ เปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มการทำศัลยกรรมใน 25 ประเทศ พบว่า ประเทศที่ทำศัลยกรรมมากที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา รองลงมา คือ บราซิล จีน อินเดีย